หนุมานสะท้านภพ หลวงพ่อแล วัดพระทรง มหาอุตม์เมืองเพชร

สวัสดีจ้าวันนี้ เรื่องเล่าชาวสยาม จะพาทุกคนมาศึกษาเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ตำนาน อภินิหารพระเกจิ ความลี้ลับ ไสยศาสตร์ เพราะในประเทศไทยของเรานั้น ต่างก็มีจุดเด่นทางความเชื่อและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาแหล่งรวมประวัติศาสตร์ที่มีผู้คนสนใจเป็นจำนวนมาก วันนี้เราขอมานำเสนอเรื่องเล่า หลวงพ่อแล ทิตัพโพ มาให้อ่านเพื่อศึกษากัน ติดตามรับชมกันได้เลย

หากกล่าวถึง “หลวงพ่อแล ทิตัพโพ” วัดพระทรง จ.เพชรบุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ผู้ทรงวิทยาคมศิษย์สายหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง ประวัติหลวงพ่อแล วัดพระทรง มีสายเลือดชาวเพชรบุรี เกิดในสกุล วาดวงศ์ เมื่อวันพุธที่ ๑๙ ก.ค. ๒๔๕๙ ที่บ้านไร่สัตว์ ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่ และนางทอง วาดวงศ์ เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง ๗ คน อายุ ๑๔ ปี เข้าพิธีบรรพชาที่วัดบ้านเกิด

หลวงพ่อแล วัดพระทรง

จนกระทั่งอายุครบ ๒๐ ปี หลวงพ่อแล ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ ๒๔ มิ.ย.๒๔๙๗ มีหลวงพ่อใหม่ วัดเขาทะโมน เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อยอด วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ทิตัพโพ” จากนั้นได้จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองไม้เหลือง ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่วัดพระทรงเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ จนถึงปัจจุบัน

ท่านได้เพียรปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และมีความสนใจร่ำเรียนสรรพวิชาความรู้ ด้วยตระหนักอยู่เสมอว่าวิชาความรู้ยิ่งเรียนมาก ยิ่งมีคุณประโยชน์ และไม่มีวันสูญสลาย โดยได้ศึกษากับครูบาอาจารย์เฉพาะในเพชรบุรีเพียงจังหวัดเดียวถึง ๗ ท่าน

เริ่มจากหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อ.เมือง เรียนวิชาถอนพิษแมลงต่างๆ หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง อ.ท่ายาง ร่ำเรียนวิชาสักยันต์ครู ซึ่งเป็นยันต์สูงสุดของการสัก เป็นยันต์แรกที่เรียกว่า “หัวใจพระราม” มีหน้าที่ควบคุมยันต์ต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นลิงลม, หนุมาน, พญาหงส์เงิน-หงส์ทอง ต่อมา ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อชิต วัดมหาธาตุวรวิหาร ที่มีความเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาวิชาพระขรรค์ จากหลวงพ่อโสก วัดปากคลอง อ.บ้านแหลม พร้อมทั้งวิชาตะกรุดโทน ตะกรุดแฝด จากหลวงพ่อผัน วัดมหาธาตุวรวิหาร ได้เรียนสักตัวมหาเมฆ จากคุณพ่อต่อและคุณพ่อจันทร์ ศิษย์พระครูสันต์ แห่งวัดเขาวัง จ.เพชรบุรี พระเถราจารย์สมัยรัชกาลที่ ๕

ในปีพ.ศ.๒๔๘๙ เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันผลักดันชีวิตของท่านให้ต้องแปรเปลี่ยน เมื่อครั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดมหาธาตุเกิดเหตุร้ายแรงกับครอบครัวและญาติโยมของท่าน เมื่อมีโจรเข้าปล้นเงินทอง ทำร้ายโยมมารดาและพี่น้องทุกคนเสียชีวิต (โยมบิดาเป็นอัมพาตและได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว) ท่านต้องนำเงินจากการขายทองคำหนัก ๖ บาท ที่พวกโจรรีบร้อนทำตกไว้ เพื่อนำไปจัดงานศพครอบครัว

สพฺภิเรว สมาเสถ สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ สตํ สทฺธมฺมมญฺ าย สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ : พึงสมาคมกับสัตบุรุษ พึงทำความสนิทสนมกับสัตบุรุษ ผู้นั้นรู้ทั่วถึงสัทธรรมของสัตบุรุษแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง

หลวงพ่อแล วัดพระทรง

จากเหตุการณ์นี้ เป็นเหตุให้ท่านตัดสินใจออกเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เพื่อปฏิบัติธรรมและแสวงหาความรู้โดยออกเดินทางจาก จ.เพชรบุรี มุ่งสู่ จ.นครปฐม เรียนวิชากะลาตาเดียว ราหูอมจันทร์ และเสริมดวงกับ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อ.เมือง เรียนวิชาลงนะหน้าทองกับหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม อ.ดอนตูม และวิชาผงยาจินดามณีที่ทำมาจากเบี้ยแก้ กับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

จากนั้น หลวงพ่อแล วัดพระทรง ได้เดินทางสู่ จ.สมุทรสาคร เรียนวิชาชูชกกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน อ.เมือง และเรียนวิชาตะกรุดไม้ไผ่ จากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ อ.กระทุ่มแบน ก่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี เรียนวิชาเบี้ยแก้ กับหลวงปู่รอด วัดนายโรง ตลิ่งชัน แล้วมุ่งไปเมืองอยุธยา เรียนวิชาตะกรุดพวง และยันต์หัวใจปลาตะเพียนมหาลาภจากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อ.บางไทร

ก่อนเดินทางขึ้นเหนือถึง จ.นครสวรรค์ เรียนวิชาศาสตรามีดหมอจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี และสุดท้ายย้อนมาภาคตะวันออก เป็นลูกศิษย์หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

นอกจากเป็นพระเกจิอาจารย์สุดยอดด้านสักยันต์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายแล้ว ด้าน พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ที่เลื่องลือของหลวงพ่อแล คือ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแลรุ่นแรก ที่โด่งดัง ต่อมา ได้สร้างรุ่น ๒ และรุ่น ๓ อีกทั้ง มีตะกรุด เหรียญพระพิฆเนศวร หนุมาน พญาหงส์  ต้นปีพ.ศ.๒๕๕๑ ได้จัดสร้างพระพิฆเนศ เนื้อผง รุ่น “แก้วมหามงคล” ด้านหน้ารูปพระพิฆเนศ ๔ กรถือลูกแก้ว ด้านหลังรูปหนุมานเชิญธงขี่สิงห์ โดยอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว มอบเป็นของขวัญปีใหม่แก่ศิษยานุศิษย์วัตถุมงคลดังกล่าวถือเป็นรุ่นสุดท้าย ที่หลวงพ่อแลจัดสร้าง เพราะหลังจากนั้น หลวงพ่อแลได้อาพาธ

กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ ๑๐ มี.ค. ๒๕๕๑ หลวงพ่อแล ละสังขารด้วยอาการสงบ สิริอายุ ๙๒ ปี พรรษา ๕๔ สร้างความอาลัยให้ชาวเมืองเพชรบุรีเป็นอย่างยิ่ง

ขอบคุณข้อมูลจากคุณ พิสุทธิ์ เผือกผ่อง

เป็นยังไงกันบ้างกับหลากหลายเรื่องราวที่เพจเรื่องเล่าชาวสยามได้นำมาเล่าต่อของตำนานหลวงพ่อแล ทิตัพโพ บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อศึกษาเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติบุคคลคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านผู้มีพระคุณ ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน บางเรื่องอาจเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น คลิกอ่าน นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า